ณุศาศิริ เจาะเศรษฐี สร้างโครงการ HANGAR ‘บ้านหรูพร้อมลานจอดเครื่องบิน’ในโครงการ มาย โอโซน เขาใหญ่

นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานกรรมการบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA กล่าวถึงการพัฒนาที่ดินภายในมายโอโซนบนที่ 1,300 ไร่ว่า ได้มีการพัฒนาไปเพียง 30% ของที่ดินทั้งหมด โดยแผนที่จะเดินหน้าต่อ คือ การสร้างสนามบินเตรียมพร้อมรองรับโครงการบ้านจัดสรรระดับอัลตร้าลักชัวรี่ (Ultra Luxury) ภายใน มาย โอโซน ซึ่งจะตอบโจทย์ให้ มาย โอโซน มีความสมบูรณ์ครบองค์ประกอบมากยิ่งขึ้น และอีกส่วนหนึ่งที่เราสร้างรันเวย์ขึ้นมา ก็เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าของสนามกอล์ฟมายโอโซน รวมไปถึงเพื่อซัพพอร์ต โรงพยาบาลพานาซี ที่อาจต้องใช้เครื่องบินในการสนับสนุนการเดินทางของผู้ป่วย หรือผู้ที่ต้องการมาฟื้นฟูสุขภาพที่มายโอโซน หรือเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปยัง โรงพยาบาลพานาซี สาขาในกรุงเทพ

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการบ้านในระดับ Ultra Luxury ลูกค้าบางท่านอาจมีเครื่องบินส่วนตัว บ้านในโซนนี้ก็จะตอบโจทย์ความสะดวกสบายของลูกค้าเราได้ การสร้างสนามบินจึงเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนามายโอโซนให้เต็มรูปแบบมากขึ้น โดยในขณะนี้เราได้ขอใบอนุญาติในการใช้สนามบิน เพื่อขออนุญาติให้เครื่องบิน ขึ้น-ลง ที่นี่ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดไม่เกิน 1-2 เดือนจะเปิดให้บริการได้ ซึ่งความยาวรันเวย์ประมาณ 900 เมตร สามารถรองรับเครื่องบินแบบใบพัดได้ และหากในอนาคตก็สามารถขยายรันเวย์เป็น 1,600 เมตร เพื่อรองรับเครื่องบินเจ็ทได้

สำหรับโครงการที่อยู่อาศัย จะพัฒนาภายใต้ชื่อ HANGAR เป็นบ้านเดี่ยวอัลตร้าลักชัวรี่ บนพื้นที่ 1 ไร่เศษ สามารถนำเครื่องบินส่วนตัวไปจอดภายในบ้านได้ โดยในเฟสแรกมีจำนวน 8 หลัง ราคาเริ่มต้นประมาณ 150 ล้านบาท คาดมูลค่ารวมประมาณ 1,200 ล้านบาท ปัจจุบันสามารถขายไปได้แล้ว 2 หลัง และในเฟสถัดไปจะอยู่ในบริเวณเดียวกับสนามบิน โดยค่าบริการจะคิดตามน้ำหนักของเครื่องบิน
“เรื่องจำนวนเที่ยวบินเข้ามาใช้บริการไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่เรามุ่งการขายโครงการบ้านมากกว่า เจาะกลุ่มนิชมาร์เก็ตที่รักและชื่นชอบเครื่องบิน และยังสามารถรองรับผู้ป่วยที่จะสามารถเดินทางเข้ากรุงเทพฯได้เพียง 25 นาที”

นายวิษณุ กล่าวถึงการพัฒนาพื้นที่รองรับการเปิดตัวเชนโรงแรมระดับโลกว่า ล่าสุด ทาง Nusa My Ozone ได้จับมือร่วมกับเชนโรงแรมระดับโลกอย่าง Kempinski Hotels เตรียมเปิดตัว “Kempinski Hotel & Residences Khao Yai” ที่ตั้งอยู่ในมายโอโซน ใช้งบในการก่อสร้างรวมที่ดินประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท

โดยโครงการนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาโครงการสุดหรูแห่งใหม่ในเมืองไทย เป็นการผสมผสานความเชี่ยวชาญของ Nusa ในการสร้างประสบการณ์ที่ทันสมัย ร่วมไปกับ จุดโดดเด่นของ Kempinski ที่มีชื่อเสียงในวงการโรงแรม จึงมั่นใจได้ว่าการรวมกันของ Nusa และ Kempinski จะเต็มไปด้วยความหรูหราที่น่าสนใจแบบไม่มีใครเหมือน ถือว่าเป็นมิติใหม่ของโรงแรมที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย

“Kempinski Hotel & Residences Khao Yai” จะเป็นโรงแรมแห่งที่สามที่ตั้งขึ้นในประเทศไทย และเป็นโรงแรมเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่นอกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ โครงการนี้ จึงมีความโดดเด่นพร้อมที่จะสร้างความสุขให้กับนักเดินทางจากนานาประเทศทั่วโลก ที่กำลังมองหาที่พักผ่อนที่หรูหราและสวยงามในสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร ท่ามกลางพื้นที่เขียวขจีของ Nusa My Ozone

“ซึ่งการเปิดตัวโครงการที่ยิ่งใหญ่และน่าสนใจเหล่านี้ รวมไปถึงการผสานความร่วมมือกับเหล่าพันธมิตรที่มีชื่อเสียงและได้รับความเชื่อมั่นทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ทำให้ณุศาศิริฯมั่นใจว่าจะสามารถก้าวต่อไปอย่างยิ่งใหญ่และมั่นคงอย่างแน่นอน” นายวิษณุกล่าว

นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ กล่าวเสริมว่า บริษัทฯยังเหลือที่ดินกว่าพันไร่ในมายโอโซน ซึ่งในระยะ 5 ปีข้างหน้า หากมีการพัฒนา อสังหาฯก็จะมีรายได้ที่สูงกว่าธุรกิจสุขภาพ แต่เราจะโฟกัสไปที่อสังหาฯที่เชื่อมกับสุขภาพมากขึ้น และเสริมบริการจากโรงพยาบาลพานาซี เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด โดยจะเน้นลูกค้าต่างประเทศมากขึ้น จะมีการเชื่อมตลาดบริษัททัวร์ต่างประเทศ และในปี 2567 จะมีการขยายพันธมิตรแบรนด์ดังๆเข้ามาเสริมศักยภาพให้กับมายโอโซน เชนโรงแรมใหญ่ๆ รวม 4-5 แบรนด์ ซึ่งจะส่งผลราคาที่ดินมีราคามากขึ้น สะท้อนถึงคุณภาพของสินค้า โดยปัจจุบัน ในมายโอโซน เป็นที่ตั้งของโรงแรมสุดหรู เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ทั้ง เมอเวนพิค รีสอร์ท เขาใหญ่ และ โรงแรม เบิร์ช แอ็พตัน เขาใหญ่ ที่พักสไตล์ยุโรป และยังมีสนามกอล์ฟของมายโอโซน กอล์ฟ คลับ ล่าสุดกับเชนระดับโลก Kempinski Hotels”นางศิริญา กล่าว.

ใส่ความเห็น