‘CHAYO’เซ็นสัญญาซื้อหนี้มีหลักประกันธนาคารทหารไทย

นายนที ลิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ สายบริหารหนี้ บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ธุรกิจให้บริการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้ รวมทั้งธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า และนายพร้อมพงษ์ พัฒนธีระเดช (ที่ 3 จากซ้าย) หัวหน้ากลยุทธ์และบริหารคุณภาพสินเชื่อ – ที่ปรึกษาบริหารการเงินพิเศษ ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธี ลงนามเซ็นสัญญาซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ ประเภทหนี้มีหลักประกันของทีเอ็มบี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร ณ ทีเอ็มบี สำนักงานใหญ่

#ทหารไทย #NPL #ชโยกรุ๊ป

‘แสนสิริ’จับมือ’มั่นคงเคหะการ’ตั้งบริษัทร่วมทุน แตกไลน์พัฒนาพื้นที่-คลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่า

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ ในสัดส่วน 50 : 50 ระหว่าง บริษัท กับ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (MK) ที่ถือหุ้นทั้ง 100% ของทุนจดทะเบียน ชื่อบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท บีเอฟทีแซด บางปะกง จำกัด ดำเนินธุรกิจพัฒนาพื้นที่ และประกอบธุรกิจประเภทกิจการคลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่า รวมถึงพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง มีทุนเริ่มแรก 500 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 5,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท

#แสนสิริ #มั่นคงเคหะการ #คลังสินค้าและอาคารโรงงานให้เช่า #ปลอดอากร #เอสเอ็มอี

“พรีโม” แตกไลน์ธุรกิจใหม่ เปิดตัว “ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์” รับบริหารงานโครงการและงานก่อสร้าง

“พรีโม” ขานรับแนวคิด ORIGIN NEXT LEVEL ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจบริการอสังหาฯ แบบครบวงจร ดึงประสบการณ์ด้านการพัฒนาอสังหาฯของออริจิ้นฯ แตกไลน์ธุรกิจใหม่ เปิดตัว “ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์” รับบริหารงานโครงการ และบริหารงานก่อสร้าง ภายใต้มาตรฐานสากล ISO9001-2015 หวังเจาะตลาดบริหารโครงการภาครัฐ และอสังหาฯรายกลาง-เล็ก

นางจันทร์เพ็ญ หล่อวิมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ผู้นำธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่ แบบครบวงจรในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI เปิดเผยว่า ในปี 2564 เครือ ออริจิ้น มุ่งมั่นเติบโตในทุกมิติภายใต้แนวคิด “ORIGIN NEXT LEVEL” สำหรับเครือพรีโมเอง ได้มองเห็นโอกาสการเติบโตของภาคการก่อสร้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ที่จะกลับมาขยายตัวอย่างมากอีกครั้งหลังจากชะลอตัวลง ในปีที่ผ่านมา บริษัทจึงได้เปิดตัวบริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด หรือ UPM เพื่อรับบริหารงานโครงการ (Project Management) และบริหารงานก่อสร้าง (Construction Management) รองรับโอกาสในภาคธุรกิจดังกล่าว

“ที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นพัฒนาบริการใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในวันนี้เพื่อตอกย้ำว่า เราเป็นผู้นำธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เราจึงจัดตั้งบริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด เพื่อนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ ด้านการบริหารงานโครงการและบริหารงานก่อสร้างของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ที่เชื่อมั่นได้ว่ามีคุณภาพระดับมาตรฐานสากล มาตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการอสังหาฯขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่กำลังมองหาพาร์ทเนอร์มาช่วยบริหารงานโครงการและงานก่อสร้าง ตลอดจนเข้าประมูลงานของภาครัฐ ซึ่งมีปริมาณงานอยู่ค่อนข้างมาก” นางจันทร์เพ็ญ กล่าว

ด้าน ดร.อรุณ ศิริจานุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด หรือ UPM กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดธุรกิจงานก่อสร้าง ในปี 2564 นั้น มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น อันเนื่องมาจากวัคซีน COVID-19 ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/2564 จึงน่าจะเห็นปริมาณงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น ทั้งในฝั่งโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย, อสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชยกรรม ทั้งส่วนงานของภาครัฐ และภาคเอกชน

“จุดแข็งของเราในการบริหารงานโครงการ และบริหารงานก่อสร้าง คือ เรื่องทีมงานที่ประกอบด้วยทีมวิศวกร และสถาปนิก มืออาชีพ และการยึดหลักมาตรฐานของญี่ปุ่น เข้ามาช่วยเรื่องการควบคุมคุณภาพ ประกอบการได้รับรอง ISO9001-2015 ไปพร้อมด้วย ด้วยจุดแข็งดังกล่าว เชื่อมั่นว่าจะทำให้เราสามารถเข้าไปช่วยเหลือทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีแผนงานก่อสร้างโครงการต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม” ดร.อรุณ กล่าว

ในปี 2564 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ รับสัญญาบริหารงานโครงการ และบริหารงานก่อสร้างในมือแล้วจำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย

-นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง (Notting Hill Rayong)
-แฮมป์ตัน ศรีราชา (Hampton Sriracha)
-ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช (The Origin Onnut)
-Warehouse 22,000 Sq.m. 2 แห่ง บริเวณถนนบางนาตราดกม.19 และ กม.22 คิดเป็นมูลค่าสัญญาฯ โครงการรวมกว่า 15 ล้านบาท

โดยนับตั้งแต่ ช่วงไตรมาส 2/2564 เป็นต้นไป บริษัทฯ จะเข้าประมูลงานบริหารงานก่อสร้างของทั้งภาครัฐ และเอกชนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายใน 5 ปี บริษัทฯ จะมีสัญญาบริหารงานก่อสร้างในมือ เฉลี่ยปีละอย่างน้อย 10-15 โครงการ

บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด เป็นผู้ให้บริการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร โดยมีบริษัทฯ ในเครือ อาทิ

-บริษัท พรีโม เรียลเตอร์ จำกัด ตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร
-บริษัท พรีโม เดคคอร์ จำกัด บริการออกแบบตกแต่งภายในอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร รวมทั้งบริการขนย้ายสิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน หรือคอนโดมิเนียม
-บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด มุ่งเน้นการให้บริการงานบริหารนิติบุคคลอาคารชุดอย่างครบวงจร
-บริษัท คราวน์ เรสซิเดนซ์ จำกัด ให้บริการบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ ระดับลักชัวรี่ รวมทั้ง บริการรับฝากขาย ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์
-บริษัท อูโน่ เซอร์วิส จำกัด ผู้ให้บริการงานรักษาความสะอาดแบบครบวงจร
และ บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด บริหารงานโครงการ และบริหารงานก่อสร้าง โดยทีมวิศวกร และทีมสถาปนิกมืออาชีพ ที่ได้รับรอง ISO9001-2015

สำหรับ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย

1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียม และบ้านจัดสรรมาแล้ว 81 โครงการ เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 125,000 ล้านบาท

2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก

3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร.

#ก่อสร้าง #โครงการอสังหาฯ #โควิด-19 #แตกไลน์ #บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด

กรุงไทยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์

ธนาคารกรุงไทย ยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการ  พัฒนาและปรับปรุงระบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้ลูกค้าไม่สามารถใช้บริการได้ในวันเสาร์ที่ 10 เม.ย.นี้ ระหว่างเวลา 00.45 – 07.45 น.  โดยมีรายละเอียดดังนี้

-แอปพลิเคชัน  Krungthai NEXT  เป๋าตัง เป๋าตุง  และถุงเงิน

-บริการแจ้งเตือนอัตโนมัติผ่านโทรศัพท์มือถือ  และ Krungthai Connext บริการแจ้งเตือนเงินเข้า-ออกบัญชีกรุงไทย และ G-wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ผ่านไลน์

-บริการเว็บไซต์และแพลตฟอร์มต่างๆ Krungthai Internet Banking   Krungthai Corporate Online   Krungthai Contact Center เช่น การตรวจสอบข้อมูลบัญชี  Krungthai PromptPay  Krungthai CO-OP  Krungthai e-Cheque   Krungthai Biz Payment  กรุงไทย เติมบุญ  บริการรับชำระเงินออนไลน์  บริการจองซื้อหลักทรัพย์ออนไลน์ บริการ CGP – Corporate Group Payment  บริการชำระเงินผ่าน Alipay และ Wechat และบริการหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย (Selling Agent)

-บริการบัตร  Krungthai Verified by Visa   Krungthai IPAC  Krungthai Cash Card  Krungthai Travel Card
 
รวมทั้ง  Krungthai ATM / ADM  Krungthai Tele-Banking  บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการ เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์  บริการตรวจสอบยอดเงินในบัตรองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) บูธแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ธนาคารขออภัยในความไม่สะดวก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Krungthai Contact Center  หมายเลข 02 111 1111
 

แอสเซทไวส์ ส่งแคมเปญ “HAPPY GOLD จองเลยเธอ..เจอเลยทอง” กับ 16 โครงการคุณภาพพร้อมอยู่สุดฮ็อต แนวรถไฟฟ้าในราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท*

แอสเซทไวส์ ส่งแคมเปญแรง “HAPPY GOLD จองเลยเธอ..เจอเลยทอง” เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ 16 โครงการพร้อมอยู่คุณภาพสุดฮ็อต แนวรถไฟฟ้าในทำเลศักยภาพ อย่าง รัชดา – ลาดพร้าว, หลักสี่ – รามอินทรา และสะพานใหม่ มาพร้อมข้อเสนอ ฟรีเงินจอง เพียงทำสัญญา 999 บาท ในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1.49 ล้านบาท, ฟรี เฟอร์นิเจอร์, ฟรี ค่าใช้จ่าย ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ 7 รายการ* และยิ่งพิเศษไปกว่านั้น เมื่อจองซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ รับทองคำแท่งหนักสูงสุดถึง 16 บาท* อีกทั้งสำหรับลูกค้าธนาคารไทยพาณิชย์ ยังได้รับส่วนลดพิเศษเพิ่มสูงสุดอีก 50,000 บาท* ซึ่งเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

เลือกเป็นเจ้าของ 16 โครงการคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น โครงการโมดิซ อินเตอร์เชนจ์ , โครงการโมดิซ สเตชั่น พหลฯ – หลักสี่, โครงการวินน์ พหลโยธิน 52, โครงการเอพพิโซด พหลฯ – สะพานใหม่, โครงการแอทโมซ แจ้งวัฒนะ, โครงการบราวน์ พหลโยธิน 67, โครงการบี แคมปัส, โครงการเอชทู คอนโดมีเนียม, โครงการเอชทู เรสสิเด้นท์, โครงการเอชทู โกลว์, โครงการโมดิช รัชดา 32, โครงการบราวน์ รัชดา – ห้วยขวาง, โครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 15, โครงการวินน์ ลาดพร้าว – โชคชัย 4, โครงการแอทโมซ ลาดพร้าว 71 และโครงการแอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ และสอบถามเงื่อนไขเพิ่มเติม* ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ http://www.assetwise.co.th และ LINE : @assetwise หรือสอบถามเงื่อนไขเพิ่มเติม โทร. 0 2168 0000

ธอส.เผย”กำลังซื้อบ้านแผ่ว-โควิดระบาดรอบใหม่”กระทบยอดปล่อยกู้ไตรมาสแรกลดลง

ธอส.แจงไตรมาสแรก ตัวเลขปล่อยสินเชื่อลดลง 10.79% เหตุผล ลูกค้าชะลอซื้อบ้าน ผลพ่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตัวเลข NPL ขยับสูงขึ้น จากลูกหนี้ครบกำหนดไม่เข้าโปรแกรมพักหนี้ และประสบปัญหารายได้ ระบุไม่กังวล หลังตั้งสำรองเผื่อNPL ระดับ 100,502 ล้านบาท BIS แข็งแกร่ง 15.60%

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงภาพรวมการปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 (ม.ค.-มี.ค.64) ว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2564 ส่งผลให้ประชาชนส่วนหนึ่งชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงต้นปี ส่งผลให้ตัวเลขการปล่อยสินเชื่อสามารถทำได้ 46,847 ล้านบาท จำนวน 29,945 บัญชี ลดลง 10.79%

โดยแบ่งเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ สำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 20,686 ล้านบาท และสำหรับผู้ที่ขอสินเชื่อวงเงินเกิน 2 ล้านบาท จำนวน 26,161 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,346,920 ล้านบาท และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 54,857 ล้านบาท คิดเป็น 4.07% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2563 ซึ่งมี NPL อยู่ที่ 47,572 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.60% ของสินเชื่อรวม

โดยจำนวน NPL ที่เพิ่มขึ้น เกิดขึ้นจากลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่ครบมาตรการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ระยะที่ 1 และไม่ต่อมาตรการช่วยเหลือของธนาคารระยะที่ 2 ประกอบกับมีลูกค้าบางส่วน ที่ยังประสบปัญหาด้านรายได้ จำนวน 3,098 ล้านบาท และอีกประมาณ 122 ล้านบาท เป็นลูกค้าที่มาจากการรับโอน Port ลูกหนี้ หลังการควบรวมกับบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ บตท. ที่มีสถานะ NPL ที่ยุบเลิกกิจการเพื่อโอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน ทุน และภาระผูกพันของ บตท. ให้แก่ ธอส.

ขณะที่ การให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระยะที่ 2 ผ่าน “โครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ปี 2564” ด้วยมาตรการลดเงินงวดผ่อนชำระ และการขยายระยะเวลาความช่วยเหลือให้แก่ลูกค้าเดิมที่เคยอยู่ในมาตรการปี 2563 โดยภายหลังจากปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขยายความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 มีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการทั้งสิ้น 117,765 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 112,694 ล้านบาท โดยมีลูกค้าถึง 103,587 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 98,128 ล้านบาท หรือคิดเป็น 87% ที่มีสถานะการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการ

ส่วนการขยายระยะเวลาความช่วยเหลือลูกค้า ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในมาตรการที่ 2 พักชำระเงินต้นและชำระเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน เป็นระยะเวลา 1 ปี ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 ที่เปิดให้ลงทะเบียนในระหว่างวันที่ 1-29 มีนาคม 2564 พบว่ามีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการทั้งสิ้น 5,285 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 5,364 ล้านบาท

“ธนาคารยังได้ทยอยตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงถึง 100,502 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ในอนาคต หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 183% สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและความพร้อมในการรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ในอนาคต และถือเป็นสถาบันการเงินของรัฐแห่งแรกที่มีการตั้งสำรองในระดับสูงเกิน 100,000 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 15.60% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 3,300 ล้านบาท”

กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดของ โครงการบ้านล้านหลัง เฟส 2 กรอบวงเงินรวมประมาณ 40,000 ล้านบาท ให้กู้สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำ 1-4 ปีแรก เท่ากับ 1.99% ต่อปี ระยะเวลาการกู้สูงสุด 40 ปี สามารถเลือกการผ่อนชำระได้ 2 ทางเลือก อาทิ กรณีกู้ 1.2 ล้านบาท ทางเลือกที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดคงที่ 1-4 ปีแรก อยู่ที่ 3,900 บาทต่อเดือน หรือทางเลือกที่ 2 ผ่อนชำระคงที่ 7 ปีแรก อยู่ที่ 5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งธนาคารเตรียมจะเสนอให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณา หากเห็นชอบธนาคารจะเร่งนำส่งให้กระทรวงการคลังเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและกำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินโครงการระยะที่ 2 ต่อไป

ส่วนความความสำเร็จ ในการยกระดับการพัฒนาบริการด้านดิจิทัล ทั้งบริการทางการเงินและสินเชื่อผ่าน Application : GHB ALL ภายใต้ โครงการ G H Bank New Normal Services ที่เริ่มให้บริการตามแผนของโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2563 และปัจจุบันมีบริการรวมทั้งสิ้น 15 บริการ ประกอบด้วย

1.ซื้อ-ตรวจ สลากออมทรัพย์ ธอส. ดิจิทัล
2.ใบเสร็จรับชำระเงินกู้
3.ขอ Statement เงินฝาก
4.จองคิวทำธุรกรรมที่สาขาได้ล่วงหน้า
5.เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว
6.ผ่อนดาวน์ทรัพย์ NPA
7.เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์

8.กู้เพิ่มเพื่อชำระหนี้ที่อยู่อาศัยและ NCB Request (e-Consent)
9.หนังสือรับรองเพื่อเบิกค่าเช่าบ้าน
10.หนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินกู้
11.หนังสือรับรองภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก
12.ขอสำเนาเอกสารสัญญากู้/จำนอง/โฉนด
13.นัดรับโฉนด
14.สมัคร Application : GHB ALL ด้วยตัวเอง
และ15.การโอนเงินเข้าบัญชีอัตโนมัติหลังทำนิติกรรม
และจะเพิ่มบริการใหม่อีก อาทิ การแจ้งข้อมูลระยะเวลาคุ้มครองประกันอัคคีภัย การชำระค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย และปลดล็อก Application : GHB ALL โดยไม่ต้องไปสาขา (กรณีเปลี่ยนเครื่อง/เปลี่ยนซิม) เพื่อยกระดับสู่การเป็น Digital Service Bank ในปี 2564 และก้าวเป็น Digital Bank เต็มรูปแบบในปี 2566

และล่าสุด ธนาคารยังเตรียมเปิดช่องทางการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่บน Application LINE โดยใช้ชื่อว่า GHB Buddy ซึ่งจะทำหน้าที่แจ้งเตือนความเคลื่อนไหวบัญชีของลูกค้าเป็นรายบุคคลในธุรกรรมฝาก-ถอน-โอน-ชำระเงินกู้-เตือนชำระเงินกู้-ถูกรางวัลสลากออมทรัพย์ และจะเริ่มเปิดให้บริการภายในเดือนเมษายน 2564

ขณะเดียวกัน ธนาคารยังได้จัดทำโครงการ G H Bank Smart NPL เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการประนอมหนี้ สำหรับลูกหนี้กลุ่มที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ(SM) และกลุ่มหนี้เสีย (NPL) โดยไม่ต้องเดินทางมายื่นเรื่องขอประนอมหนี้ที่ธนาคาร โดยสามารถดำเนินการได้ง่าย ๆ ผ่าน Application : GHB ALL ด้วยการเลือกรายการ G H Bank Smart NPL และอัพโหลดเอกสารที่แสดงผลกระทบทางรายได้ อาทิ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัด ภาพถ่ายกิจการ หรือ Statement เพื่อได้รับการพิจารณาปรับลดเงินงวดผ่อนชำระเป็นระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ธนาคารยังเพิ่มทางเลือก ให้กับผู้ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองในราคาที่คุ้มค่า และทำเลที่เหมาะสม ด้วยการเพิ่มช่องทางในการซื้อ-ขายบ้านมือสองให้กับประชาชน กับโครงการ G H Bank Marketplace รับเป็นตัวกลางรับฝากขายบ้านมือสอง ผ่านทาง http://www.ghbhomecenter.com และ Application : G H Bank Smart NPA รวมถึงนำออกประมูลออนไลน์ที่มีเป็นประจำทุกเดือน โดยล่าสุด ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 ธนาคารสามารถจำหน่ายทรัพย์ NPA ได้แล้วเป็นจำนวนถึงกว่า 1,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการจำหน่ายทรัพย์ทั้งปีที่ 4,000 ล้านบาท.

เปิด 10 เส้นทางเลือกเดินทางสู่ 4 ภาค หนีรถติดช่วงสงกรานต์

กรมทางหลวงแนะนำ 10 เส้นทางเลือกจากกรุงเทพฯ สู่ภูมิภาคต่างๆ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 เพื่อให้ผู้ใช้ทางได้รับความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง สอบถาม โทร. 1586

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางและหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 นี้ กรมทางหลวงได้แนะนำเส้นทางเลือกบนทางหลวงสายหลักและสายรอง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี ดังนี้

@กรุงเทพฯ-ภาคเหนือ

เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไปรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) -จ.พระนครศรีอยุธยา-จ.อ่างทอง-จ.สิงห์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 32 ถนนสายเอเชีย) -อ.มโนรมย์ (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครสวรรค์
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นนทบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) – จ.สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340 สุพรรณบุรี-ชัยนาท) – จ.ชัยนาท (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครสวรรค์
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไปรังสิต-อ.วังน้อย-จ.สระบุรี-จ.ลพบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – อ.ตากฟ้า (ทางหลวงหมายเลข 11) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดพิษณุโลก
เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ไปรังสิต-ต่างระดับคลองหลวง (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – เชียงรากน้อย (ทางหลวงหมายเลข 3214) – ทางหลวงหมายเลข 347 จากนั้นมุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข 32 เข้าสู่ภาคเหนือ
เส้นทางที่ 5 จากกรุงเทพฯ ไปวงแหวนตะวันออก (ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9) – ต่างระดับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) – อ.วังน้อย (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – ถนนโรจนะ (ทางหลวงหมายเลข 309) จากนั้นมุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข 32 เข้าสู่ภาคเหนือ

@กรุงเทพฯ-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.สระบุรี (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – ต.ม่วงค่อม (ทางหลวงหมายเลข 21) – ต.ห้วยบง อ.เฉลิมพระเกียรติ (ทางหลวงหมายเลข 2256) – อ.สีคิ้ว (ทางหลวงหมายเลข 201) – อ.ด่านขุนทด (ทางหลวงหมายเลข 2148) – อ.ขามทะเลสอ (ทางหลวงหมายเลข 2068) – ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป อ.วังน้อย (ทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน) – จ.สระบุรี – อ.ปากช่อง-อ.สีคิ้ว (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป จ.นครนายก (ทางหลวงหมายเลข 305) – อ.บ้านนา (ทางหลวงหมายเลข 3051) – อ.แก่งคอย (ทางหลวงหมายเลข 3222) – อ.ปากช่อง (ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา หรือจาก อ.บ้านนาไร่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 33 มุ่งหน้าสู่ อ.กบินทร์บุรี สู่ อ.อรัญประเทศ
เส้นทางที่ 4 จากกรุงเทพฯ ไป จ.ฉะเชิงเทรา (ทางหลวงหมายเลข 314 หรือทางหลวงหมายเลข 304) – อ.พนมสารคาม-อ.กบินทร์บุรี-อ.วังน้ำเขียว-อ.ปักธงชัย (ทางหลวงหมายเลข 304) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา

@กรุงเทพฯ-ภาคตะวันออก

เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.ชลบุรี (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา)
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป อ.บางปะกง (ทางหลวงหมายเลข 34 ถนนบางนา-ตราด) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดชลบุรี โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไป อ.พนัสนิคม-จ.ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 304)

@กรุงเทพฯ-ภาคใต้

เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ไป จ.สมุทรสาคร-จ.สมุทรสงคราม (ทางหลวงหมายเลข 35) – แยกวังมะนา-จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เส้นทางที่ 2 จากกรุงเทพฯ ไป อ.สามพราน-อ.นครชัยศรี-จ.นครปฐม-จ.ราชบุรี-แยกวังมะนาว- จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เส้นทางที่ 3 จากกรุงเทพฯ ไปถนนบรมราชชนนี (ทางหลวงหมายเลข 338 ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) – อ.นครชัยศรี-จ.นครปฐม-จ.ราชบุรี-แยกวังมะนาว-จ.เพชรบุรี (ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม) จากนั้นมุ่งหน้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม หรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างเดินทาง สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทร.ฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) สายด่วนมอเตอร์เวย์ 1586 กด 7 และตำรวจทางหลวง 1193

“อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ฯ”รักษ์โลก ร่วมมือ AIS มอบ“E-Waste”ส่งกำจัดอย่างถูกวิธี

นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ส่งมอบขยะอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือ, พาวเวอร์แบงค์, แบตเตอรี่มือถือ, แท็บเล็ต, สายชาร์จ และหูฟัง จำนวนกว่า 700 ชิ้น ที่ได้รับบริจาคจากพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า หลังจากรณรงค์และเชิญชวนให้ทุกคนตระหนักถึงอันตรายจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสมทบให้กับโครงการ “คนไทยไร้ E-Waste”

โดยนายสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ร่วมรับมอบและนำเข้าสู่กระบวนการ Recycle และกำจัดอย่างถูกวิธีต่อไป เพื่อป้องกันสารพิษต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม ณ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาพระราม 2 (โดยยังได้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ด้วยการตั้งกล่องรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาเกษตร-นวมินทร์, บางนา, ราชพฤกษ์, พระรามสอง)