FPTทุ่ม1,800พันล.เนรมิตแปลง Robinsonสีลม(เดิม)ผุดมิกซ์ยูส เปิดให้บริการปลายปี65

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทย เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนให้แก่องค์กร ตามแผนกลยุทธ์ One Platform ด้วยการเข้าซื้อทรัพย์สินในทำเลศักยภาพ ด้วยงบลงทุนกว่า 1,800 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเป็นอาคารมิกซ์ยูส (Mixed Use) ชั้นนำแห่งใหม่ย่านสีลม การดำเนินการครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและขยายพอร์ตฯคอมเมอร์เชียล อีกทั้งยังเป็นการช่วยสร้างกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอให้กับบริษัทฯในระยะยาว

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะสร้างความเติบโตให้แก่ธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน ประกอบกับความพร้อมด้านการลงทุนของบริษัทฯ ทำให้ FPT เล็งเห็นจังหวะที่เหมาะสมในการขยายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูง โดยโครงการแห่งใหม่นี้ จะถูกพัฒนาให้เป็นโครงการมิกซ์ยูสชั้นนำที่มีความทันสมัย เพื่อเพิ่มความขีดความสามารถของบริษัทฯ ในการให้บริการแก่ผู้เช่ากลุ่มองค์กรชั้นนำที่ต้องการพื้นที่สำนักงาน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันบนทำเลใจกลางแหล่งธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ โดยการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ซึ่งจะทำให้ FPT พร้อมรับมือกับความท้าทายและความไม่แน่นอนต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การลงทุนในครั้งนี้ จะช่วยสร้างการเติบโตและกระจายความเสี่ยงให้แก่พอร์ตโฟลิโอของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม ภายใต้การบริหารจัดการของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) ที่ปัจจุบันมีอาคารสำนักงานเกรด A ในย่าน CBD ของกรุงเทพฯรวม 5 อาคาร ประกอบด้วย อาคารมิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์, อาคาร เอฟวายไอ เซ็นเตอร์, อาคารโกลเด้นแลนด์, อาคารสาทรสแควร์ และ อาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์โดยโครงการแห่งมิกซ์ยูสใหม่นี้จะประกอบด้วยพื้นที่ให้บริการทั้งสิ้น 22 ชั้น และ ชั้นใต้ดินอีกจำนวน 2 ชั้นหรือคิดเป็นพื้นที่รวม 49,602 ตารางเมตร นอกจากนี้ ยังมีความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ตรงหัวมุมถนนสีลม ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดงและ สถานีรถไฟฟ้า MRT สีลม จึงสะดวกต่อการเดินทาง

นายวิทวัส คุตตะเทพ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายโครงการเชิงพาณิชยกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเข้าซื้อทรัพย์สินที่มีศักยภาพเพื่อมาพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสชั้นนำ นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้บริษัทฯสามารถเพิ่มพื้นที่ให้บริการกว่า49,000 ตร.ม. ภายในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้ คาดว่าโครงการจะพร้อมให้บริการในไตรมาสที่ 4/2565และเมื่อพัฒนาแล้วเสร็จ บริษัทฯจะมีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้นร่วม 260,000ตร.ม.ซึ่งเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่พอร์ตโฟลิโอของกลุ่ม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย)

อนึ่ง เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2564 บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ฯ แจ้งว่า บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นอยู่ คิดเป็นสัดส่วน 99.3% ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดจำนวน 5 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็น 100 % ของหุ้นสามัญทั้่งหมดในบริษัท สีลม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SILOM) รวมทั้งรับโอนสิทธิในการได้รับเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินจากผู้ถือหุ้นเดิมของ SILOM (รวมเรียกว่า “ธุรกรรม) ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,090 ล้านบาท

#

เกี่ยวกับ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย” ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีชื่อย่อหลักทรัพย์ “FPT” และเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “GOLD” ทำให้ปัจจุบัน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยเป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทย ที่มีแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมประเภทที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และ อุตสาหกรรม

นอกจากนี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทยยังเป็นผู้สนับสนุนและผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ FTREIT ซึ่งปัจจุบันเป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนและผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ หรือ GVREIT เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชยกรรม ทั้งนี้ FPT, FTREIT และ GVREIT เป็นบริษัทและกองทรัสต์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

#เฟรเซอร์ส #เจ้าสัวเจริญ #แผ่นดินทอง #เทกโอเวอร์

TOAประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2564

นายประจักษ์ ตั้งคาราวคุณ (ที่5จากขวา) ประธานกรรมการและกรรมการบริหาร และ นายจตุภัทร์ ตั้งคาราวคุณ (ที่4จากขวา) ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผู้นำนวัตกรรมสีทาอาคารและผลิตภัณฑ์ปกป้องพื้นผิวแบบครบวงจรในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน พร้อมด้วยคณะกรรมการ ตลอดจนผู้บริหารระดับสูง ได้จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 เพื่อรายงานผลดำเนินงานประจำปี 2563 ทั้งนี้ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น อนุมัติเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น จำนวน 0.26 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน 527.54 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังปี 2563 โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2564

ทั้งนี้ การจัดประชุมดังกล่าวได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามประกาศของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงประกาศกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคัดกรองและปฏิบัติตามมาตรการในการจัดประชุมอย่างเคร่งครัด จัดขึ้น ณ โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

#TOA #ประชุมผู้ถือหุ้น

ศุภาลัย เดินหน้ารุกแนวราบ เปิด“ศุภาลัย เบลล่า เวสต์เกต”พระราม 5 มูลค่าพันลบ.

ศุภาลัย ปักหมุดโครงการแนวราบต่อเนื่อง เตรียมเปิดโครงการใหม่ล่าสุด “ศุภาลัย เบลล่า เวสต์เกต” พบกับบ้านแบบใหม่ทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว บนทำเลคุณภาพโซนพระราม 5 เดินทางเชื่อมต่อติดเมืองอย่างสะดวกทั้งทางรถยนต์และรถไฟฟ้า ในราคาพิเศษเริ่ม 3 ล้านกว่าบาท Pre – Sales 22 – 23 พฤษภาคมนี้ ณ สำนักงานขาย พร้อมโปรโมชั่นโดนใจและของแถมหลายรายการ

นางสาวธัญวรัตน์ ปัญญารัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการลงทุนระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการขยายระบบโครงข่ายคมนาคมของภาครัฐ เพื่อรองรับแผนการพัฒนาจังหวัดนนทบุรีเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยคุณภาพ จึงทำให้ทำเลย่านกาญจนาภิเษก – พระราม 5 มีความน่าอยู่อาศัยเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ส่งผลให้เป็นทำเลยอดนิยมของการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้า

โดยในปีนี้ บริษัทฯได้เข้ามาพัฒนาโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แบรนด์ “เบลล่า” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีจุดเด่นที่เหมาะกับทุกขนาดครอบครัว ด้วยความหลากหลายของแบบบ้าน สำหรับโครงการศุภาลัย เบลล่า เวสต์เกต บริษัทฯ ได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกครอบครัวได้เป็นอย่างดี

โครงการ “ศุภาลัย เบลล่า เวสต์เกต” บนพื้นที่โครงการกว่า 33 ไร่ จำนวน 250 แปลง มูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท ชูแนวคิด “บ้านที่แตกต่าง…กับส่วนผสมที่ลงตัว” ในราคาเริ่มต้น 3 ล้านกว่าบาท พบกับบ้านแบบใหม่ในโซนพระราม 5 กับหลายแบบบ้านหลากสไตล์ให้คุณเลือกถึง 5 แบบ ทั้งทาวน์โฮม 2 ชั้นนวัตกรรมใหม่ หน้ากว้าง 5.5 – 6.25 เมตร สร้างสรรค์พื้นที่หลังบ้านกว้างขวางขึ้น สำหรับเป็นมุมจัดสวนหรือกิจกรรมสำหรับครอบครัว พร้อมห้องนั่งเล่นที่รับแสงจากหลังบ้าน ขนาดพื้นที่ใช้สอย126-141 ตร.ม.3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ บ้านแฝด ที่มีฟังก์ชันการใช้งานเทียบเท่าบ้านเดี่ยว ขนาดพื้นที่ใช้สอย 149 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และบ้านเดี่ยว ที่ใช้วัสดุประหยัดพลังงาน บ้านโล่ง โปร่ง สบาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของสมาชิกในครอบครัว

โดยทุกแบบบ้าน ได้รับการออกแบบและเลือกสรรวัสดุที่มีคุณภาพและประหยัดพลังงาน ตามมาตรฐานระดับสากล ISO 9001 : 2015 รวมทั้งระบบบ้านอัจฉริยะ Home Automation / Home Security ที่ทำให้การอยู่อาศัยเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ครบครันด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ผ่อนคลายด้วยสวนพักผ่อนพื้นที่สีเขียว พร้อมสระว่ายน้ำกลางสวน มั่นใจกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV ภายในและหน้าโครงการ และระบบ เข้า – ออกอัตโนมัติ Easy Pass

เพื่อให้คุณครบ จบ ในที่เดียว กับการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว บนทำเลศักยภาพติดถนนกาญจนาภิเษก เข้า – ออก ได้หลายเส้นทาง ทั้งทางถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนกาญจนาภิเษก ถนนราชพฤกษ์ และถนนบางกรวย – ไทรน้อย ใกล้ทางด่วนพิเศษศรีรัช และรถไฟฟ้า MRT สถานี 3 แยกบางใหญ่ รองรับการเดินทางในอนาคตกับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (มอเตอร์เวย์) (คาดจะเปิดใช้ปลายปี 2566) รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพียง 3.5 กม. จากเซ็นทรัล เวสต์เกต และพร้อมให้คุณได้สนุกกับแหล่ง ช้อป ชิม ชิล อื่นๆ อีกมากมาย อาทิ อีเกีย บางใหญ่ ดีแคทลอน โลตัส พลัสมอลล์ ใกล้สถานศึกษา อาทิ โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี โรงเรียนเด่นหล้า พระราม 5 และใกล้โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์

สำหรับผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยโซนพระราม 5 สามารถเชื่อมต่อชีวิตทั้งการทำงานและอยู่อาศัยให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เชิญแวะชมโครงการและเลือกจองแปลงสวยโดนใจในราคาพิเศษ ในงาน Pre – Sales 22 – 23 พฤษภาคมนี้ ณ Sales Gallery ลงทะเบียนออนไลน์ https://bit.ly/3v5AGvj เพื่อรับราคาพิเศษสุดก่อนใคร และเมื่อจองรับฟรี!! ชุดเครื่องใช้ไฟฟ้า 4 ชิ้น มูลค่ารวม 27,000 บาท ทั้งนี้บริษัทฯ ตระหนักถึงสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสำคัญ ยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส Covid – 19 ทั้งในโครงการและสำนักงานขาย ด้วยการทำความสะอาดและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐาน และจัดเตรียมเจลล้างมือแอลกอฮอล์ที่ได้มาตรฐานบริการแก่ลูกค้า ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของลูกค้าและพนักงานทุกคน พร้อมทั้งพนักงานสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน และสำหรับพนักงานขายที่ให้ข้อมูลและแนะนำลูกค้าได้มีมาตรการ Social Distancing โดยเว้นระยะห่าง ลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยของกันและกัน เพื่อสร้างความมั่นใจในการเข้าเยี่ยมชมโครงการ.

“จับตาเทรนด์ที่อยู่อาศัยมาแรง ตอบโจทย์คนวัยเก๋า ผู้สูงวัยมองหาอะไรเมื่อต้องการบ้าน?”

ปัจจุบัน ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Complete Aged Society) โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ถึง 20% ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกำลังซื้อที่มีสูงและมีอำนาจการตัดสินใจด้วยตัวเอง ทำให้ผู้สูงอายุเป็นอีกกลุ่มเป้าหมายที่หลายธุรกิจหันมาจับตามอง ไม่เว้นแม้แต่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แม้ที่อยู่อาศัยจะเป็นพื้นที่ที่ผู้สูงวัยใช้เวลาในแต่ละวันมากที่สุด แต่ก็เป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูง ทำให้การเลือกพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อหรือเช่าบ้าน/คอนโดฯ ย่อมมีความละเอียดมากตามไปด้วย

แล้วในยุค Aging Society นี้ ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้สูงวัยเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้อยากซื้อบ้านใหม่ แล้วเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทเมื่อต้องมองหาบ้านใหม่มากขึ้นหรือไม่?

แนวโน้มสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในไทยมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยว่า ในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Complete Aged Society) โดยจะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ถึง 20% ของประชากรทั้งหมด และเมื่อถึงปี 2574 ก็จะเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society)

ประกอบกับรูปแบบการใช้ชีวิต บริบทและปัจจัยทางสังคมที่เปลี่ยนไปทำให้คนไทยครองตัวเป็นโสดมากขึ้น หรือมีบุตรลดลง เปลี่ยนรูปแบบจากครอบครัวขยายในอดีตเป็นครอบครัวเดี่ยวอย่างชัดเจน

จากข้างต้น ทำให้เกิดโอกาสทางการตลาดเพื่อเจาะกลุ่ม Silver Age หรือผู้บริโภคสูงวัยเหล่านี้โดยเฉพาะ ด้วยกำลังซื้อสูงอันเป็นผลมาจากการบริหารจัดการรายได้ตลอดชีวิตการทำงานผ่านการออมทรัพย์และลงทุน ประกอบกับแนวคิดการใช้ชีวิตที่มีความทันสมัยและรู้จักใช้เทคโนโลยีเป็นประจำ ไม่ลังเลที่จะใช้เงินเก็บมาซื้อความสุขและดูแลสุขภาพตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์ต่าง ๆ ไม่แพ้วัยรุ่นเช่นกัน จนทำให้หลายธุรกิจหันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์เพื่อดึงดูดกำลังซื้อของคนสูงวัยมากขึ้น

“อยากมีพื้นที่ส่วนตัว – ย้ายไปทำเลใหม่” ปัจจัยผลักดันให้คนวัยเก๋าซื้อบ้านใหม่

ข้อมูลจากผลสำรวจ DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จะตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่ใหม่เนื่องจากความต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากถึง 44% ตามมาด้วยความต้องการไปอยู่อาศัยในทำเลหรือบรรยากาศใหม่ 31%

ในขณะที่อันดับสาม ให้ความสำคัญกับความสะดวกที่มากขึ้น เช่น อยู่ใกล้โรงพยาบาล ที่ทำงาน โรงเรียน ฯลฯ และซื้อเพื่อลงทุนในสัดส่วนเท่ากันที่ 26% เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีประสบการณ์และวางแผนการเงินและการใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ จึงให้ความสำคัญในเรื่องการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนระยะยาวมากกว่าช่วงวัยอื่น ๆ ในขณะที่การซื้อบ้านเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กับสมาชิกในครอบครัวมีเพียง 15% อันเป็นผลจากการที่บุตรหลานเริ่มเข้าสู่วัยทำงานและเริ่มสร้างความมั่นคงด้วยการซื้อบ้านของตัวเอง หรือแยกตัวออกไปเพื่อสร้างครอบครัวหลังแต่งงาน

นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ให้ความสำคัญในการใช้พิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัย คือ การเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ และความปลอดภัยของทำเล โดยมีสัดส่วนที่เท่ากันอยู่ที่ 53% ตามมาด้วยทำเลที่ตั้ง 49% และโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกรอบทำเลที่ 49% เท่ากัน

เห็นได้ชัดว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้จะเน้นมองหาที่อยู่อาศัยที่เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น โดยไม่ละเลยความปลอดภัย เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวันตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างและการอยู่อาศัยได้อย่างสบายใจด้วยตนเอง ไม่เป็นภาระผู้อื่น

หลายคนอาจมีภาพจำว่า คนสูงวัยไม่คุ้นเคยกับการท่องโลกออนไลน์เท่าวัยอื่นในยุคดิจิทัล แต่ที่จริงแล้วผู้สูงอายุเรียนรู้ในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดเจนจากพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจเรื่องซื้อที่อยู่อาศัย โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางยอดนิยมในการค้นหาข้อมูลในประชากรกลุุ่มนี้ถึง 62% ตามมาด้วยเว็บไซต์ของโครงการ 56% และเว็บพอร์ทัลด้านอสังหาฯ 47% เนื่องจากเป็นช่องทางที่สะดวก ช่วยให้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้รวดเร็วและหลากหลายมากพอที่จะนำมาใช้ประกอบการพิจารณาภายใต้การใช้วิจารณญาณและกรอบประสบการณ์ที่มี โดยมีเพียง 16% เท่านั้นที่จะเลือกปรึกษาและหาข้อมูลเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงาน เพื่อนฝูง และครอบครัว

เทรนด์การใช้ชีวิตของผู้สูงวัย ที่ไม่ได้มีแค่เรื่องสุขภาพ

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย รวบรวมเทรนด์ที่อยู่อาศัยที่น่าสนใจและเป็นที่น่าจับตามองสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการคนวัยนี้ที่ไม่ได้มองหาบ้านเพื่ออยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรองรับการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างครบครัน

สุขภาพกายที่ดี ต้องมาพร้อมความสบายใจ เทรนด์รักสุขภาพมาแรง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เห็นคุณค่าของการมีสุขภาพดีมาเป็นอันดับต้น ๆ แน่นอนว่า นอกจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการออกกำลังกายจะเป็นปัจจัยสำคัญแล้ว ที่อยู่อาศัย ก็ถือเป็นอีกปัจจัยที่มีบทบาท ในการสร้างสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีให้ผู้สูงอายุเช่นกัน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ผู้สูงอายุได้ใช้เวลาอยู่ด้วยในแต่ละวันมากที่สุด

ดังนั้น การเลือกโครงการฯ ที่มีการออกแบบภายใต้แนวคิดสร้างสรรค์สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้ผู้อยู่อาศัย (Health & wellness residence) คำนึงถึงการใช้งานจริง ทั้งการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในให้รองรับผู้สูงอายุที่ต้องการเดินออกกำลังกายภายในบริเวณบ้านของตน มีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับออกกำลังกายและพื้นที่สีเขียวที่มอบความร่มรื่นพร้อมรองรับการทำกิจกรรมด้านสุขภาพอื่น ๆ ในชุมชน นอกจากนี้ปัจจุบันผู้พัฒนาอสังหาฯ ได้หันมาร่วมมือกับโรงพยาบาลหรือศูนย์บริการสุขภาพ เพื่อเพิ่มบริการดูแลสุขภาพหรือบริการทางการแพทย์ไว้ในโครงการฯ ด้วย เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์การสร้างสรรค์สุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีได้อย่างน่าสนใจ และเป็นตัวเลือกที่ควรพิจารณาสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ

เสริมความปลอดภัยด้วย Home Solutions เพื่อการอยู่อาศัยที่แท้จริง แนวโน้มจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการฯ หันมาให้ความสนใจและพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้บริโภคกลุ่มนี้มากขึ้น มีโครงการฯ ที่ออกแบบให้เป็นบ้านสำหรับผู้สูงอายุด้วยความเข้าใจที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบห้องนอนผู้สูงอายุให้มีความเป็นส่วนตัวและอากาศถ่ายเทสะดวก หรือนำนวัตกรรม Home Solutions ต่าง ๆ มาช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตในบ้านได้ราบรื่น และช่วยป้องกันอันตรายจากการเกิดอุบัติเหตุภายในบ้าน เช่น ปูพื้นด้วยวัสดุลดแรงกระแทก (Shock Absorption Floor) เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอาการบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุหกล้ม ออกแบบราวจับในห้องน้ำ ราวบันไดทั้งสองข้าง หรือพื้นต่างระดับในบ้านเพื่อทรงตัวและเดินได้มั่นคงขึ้น ทำทางลาดสำหรับรถเข็นในการเข้าสู่ตัวบ้าน หรือออกแบบให้ประตูห้องน้ำเปิดออกมาด้านนอก ในกรณีที่มีคนล้มขวางประตูด้านใน ซึ่งรายละเอียดในการออกแบบที่มีพื้นฐานเพื่อตอบโจทย์ผู้อาศัยอย่างแท้จริงนี้ นอกจากจะช่วยให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตในบ้านได้อย่างมั่นใจและสบายใจมากขึ้นแล้ว แน่นอนว่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวก็จะสามารถใช้ชีวิตในบ้านนี้อย่างปลอดภัยเช่นกัน

ปลอดภัย อุ่นใจด้วยระบบบ้านอัจฉริยะ นอกจากเทคโนโลยีจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตของคนยุคนี้ในหลากหลายด้านแล้ว ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยอีกด้วย เห็นได้จากการเติบโตของเทรนด์บ้านอัจฉริยะ (Smart Home) ที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาสนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยสามารถควบคุมการทำงานระบบต่าง ๆ ของบ้านผ่านการสั่งงานด้วยเสียงหรือจากแอปพลิเคชั่น ซึ่งยกระดับความปลอดภัยให้ที่อยู่อาศัย เช่น กลอนประตูดิจิทัล (Digital Door Lock) หรือการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่รองรับการรับชมภาพออนไลน์และดูย้อนหลังได้ผ่านสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้สูงอายุที่ห่วงใยในทรัพย์สินและติดบ้านคลายความกังวลเมื่อต้องห่างจากบ้านได้ นอกจากนี้ระบบบ้านอัจฉริยะยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มักมีอาการหลงลืมก็สามารถเลือกควบคุมการเปิด-ปิดไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน/คอนโดฯ ผ่านสมาร์ทโฟนได้ตลอดเวลา แม้ทำธุระอยู่ข้างนอกก็สามารถกดเช็กดูระบบไฟเพื่อความชัวร์ได้ทันที

เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย ต่อยอดการลงทุนได้ในอนาคต ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุไม่ได้เน้นไปที่การอยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว เนื่องจากไม่ใช่การมีบ้านหลังแรก แต่มีการวางแผนระยะยาวด้วยการมองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของครอบครัว พร้อมทั้งมีศักยภาพที่ต่อยอดไปสู่การลงทุนได้ในอนาคต เนื่องจากที่อยู่อาศัยถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีความต้องการในตลาดไม่น้อย ข้อมูลจากผลสำรวจ DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study เผยว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผู้สูงอายุในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยจากบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้นจะสนใจที่ชื่อเสียงของบริษัทมาเป็นอันดับแรก 58% ตามมาด้วยผลงานของผู้พัฒนาฯ ในโครงการที่ผ่านมา 56% และคุณภาพของงานตกแต่งภายในที่ผู้พัฒนาฯ มอบให้ 55% ซึ่งชื่อเสียงที่ดีของผู้พัฒนาฯ ย่อมส่งผลด้านบวกที่ช่วยให้การประกาศขาย/เช่าในอนาคตง่ายขึ้น ต่างจากกรณีของผู้บริโภคที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเป็นหลักจึงพิจารณาจากคุณภาพของงานตกแต่งภายในที่ได้จากผู้พัฒนาฯ มาเป็นอันดับแรก (68%) อย่างไรก็ดี แม้ไม่ใช่เพื่อการขาย ผู้สูงอายุก็ยังมีทางเลือกในการปล่อยเช่าบ้าน/คอนโดฯ เพื่อสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องแทน

ปัจจุบัน เทรนด์การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุแพร่หลายมากขึ้น ทั้งการเปิดตัวโครงการอสังหาฯ ที่เจาะกลุ่มนี้โดยเฉพาะ หรือการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ให้เลือกนำไปปรับใช้กับบ้านเดิมที่มีอยู่แล้ว นอกจากนี้ธนาคารได้มีการนำเสนอ “Reverse mortgage หรือสินเชื่อบ้านสำหรับผู้สูงอายุ” เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีบ้านเป็นของตนเองแต่ไม่ต้องการขายบ้านทันที เพราะยังต้องใช้อยู่อาศัยและต้องการมีรายได้รายเดือน เพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หลักการทำงานจะมีรูปแบบเหมือนการทยอยขายบ้านให้กับธนาคาร ซึ่งธนาคารจะตีมูลค่าบ้านพร้อมกับประเมินอายุเฉลี่ยของผู้กู้แล้ว จะทยอยจ่ายเงินค่าบ้านให้เป็นรายเดือน โดยผู้กู้ก็ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้น และยังสามารถอาศัยอยู่ในบ้านได้จนกระทั่งผู้กู้นั้นเสียชีวิต หรือตัดสินใจขายบ้านไปก่อน ซึ่งหลังครบกำหนดตามสัญญา บ้านก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคาร นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ความต้องการมีบ้านของผู้สูงอายุ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี

#Reverse mortgage #บ้านผู้สูงอายุ #สังคมผู้สูงอายุ #วัยเก๋า #คนแก่ #เด็กเกิดใหม่น้อย