ธนาคารกรุงไทย แจ้งพนักงานสนญ. พนักงานบริษัทในเครือ พนักงาน Outsource และ นศ.ฝึกงาน ติดโควิด-19

ธนาคารกรุงไทย แจ้งว่า ธนาคารได้รับแจ้งข้อมูลว่า พนักงานธนาคาร พนักงานบริษัทในเครือ พนักงาน Outsource และนักศึกษาฝึกงาน ที่ปฏิบัติงานอาคารสำนักงานใหญ่นานาเหนือ อาคารสุขุมวิท อาคารสามย่านมิตรทาวน์ อาคารไสวบราวน์ 2 และอาคารสาขาท่าดินแดง ติดโควิด-19 รวมจำนวน 9 ราย ปัจจุบันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ พนักงานธนาคาร ติดโควิด-19 จำนวน 5 ราย ดังนี้

รายที่ 1 ปฏิบัติงานที่ชั้น 26 อาคารสุขุมวิท มีประวัติไปร้านอาหารที่มีผู้ติดเชื้อ
รายที่ 2 ปฎิบัติงานที่ชั้น 10 อาคารนานาเหนือ บุคคลใกล้ชิดมีประวัติไปเที่ยวผับ
รายที่ 3 ปฎิบัติงานที่ชั้น 7 อาคารสุขุมวิท มีประวัติไปรับประทานอาหารที่ย่านทองหล่อ
รายที่ 4 ปฏิบัติงานที่ชั้น 8 อาคารนานาเหนือ มีประวัติพบปะเพื่อนที่ไปสังสรรค์ในย่านทองหล่อ
รายที่ 5 ปฏิบัติงานที่ชั้น 25 อาคารสุขุมวิท เพื่อนที่อยู่ร่วมกันติดโควิด-19

พนักงานบริษัทในเครือ พนักงาน Outsource และนักศึกษาฝึกงานของธนาคาร ติดโควิด-19 จำนวน 4 ราย ดังนี้

รายที่ 1 พนักงาน Outsource ปฏิบัติงานที่อาคารสุขุมวิทชั้น 3-4 และอาคารสามย่านมิตรทาวน์ มีประวัติไปสถานที่เดียวกันกับไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อจากย่านทองหล่อ
รายที่ 2 พนักงาน Outsource ปฏิบัติงานที่อาคารสุขุมวิทชั้น 3-4 และอาคารสามย่านมิตรทาวน์ มีประวัติรับประทานอาหารที่ย่านทองหล่อ
รายที่ 3 พนักงาน บริษัท กรุงไทยคอมพิวเตอร์เซอร์วิสเซส จำกัด (KTBCS) ปฏิบัติงานที่อาคารไสวบราวน์ 2 มีประวัติรับประทานอาหารที่ย่านทองหล่อ
รายที่ 4 นักศึกษาฝึกงาน สาขาท่าดินแดง มีประวัติพบปะผู้ติดเชื้อโควิด-19

ธนาคารจึงได้ดำเนินการดังนี้

1.ให้พนักงานที่มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพนักงานกลุ่มกล่าว เข้ารับการตรวจหาเชื้อ และกักตัวเป็นเวลา 14 วันแล้ว โดยธนาคารจะติดตามอาการของพนักงานอย่างใกล้ชิดต่อไป

2. แจ้งไปยังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเข้ามาดำเนินการฉีดฆ่าเชื้อ ณ อาคารสำนักงานใหญ่นานาเหนือ อาคารสุขุมวิท อาคารสามย่านมิตรทาวน์ อาคารไสวบราวน์ 2 และอาคารสาขาท่าดินแดง

ธนาคารตระหนักถึงความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าเป็นสำคัญ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

#กรุงไทย#โควิด

“มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์”ได้รับความมั่นใจจาก”วัน แบงค็อก” ทำสัญญาติดตั้งลิฟต์และบันไดเลื่อนชุดใหญ่

มร.มุเนะฮิซะ โอกะโมะโตะ (กลางขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำในธุรกิจลิฟต์และบันไดเลื่อน ร่วมลงนามในสัญญากับ นายปณต สิริวัฒนภักดี (กลางซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ดผู้พัฒนาโครงการ“วัน แบงค็อก” (One Bangkok) โดยมี นางสาว ซู หลิน ซูน(ซ้ายสุด) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ วัน แบงค็อกและนายสุพัตถ์ จารุศร(ขวาสุด) รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อลงนามในสัญญาสั่งซื้อและติดตั้งลิฟต์และบันไดเลื่อน ชุดใหญ่ พร้อมติดตั้ง ลิฟต์แบบห้องโดยสารคู่ ที่จะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รวมจำนวน 278 เครื่อง ณ เดอะ พรีลูด โครงการ วัน แบงค็อก (The Prelude One Bangkok)

มีอะไรดี! คอนโดรอบสถานีรถไฟฟ้าอโศกและพร้อมพงษ์

พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าอโศก และพร้อมพงษ์ เป็น 1 ในพื้นที่ที่สามารถจัดให้อยู่ในกลุ่มของ Prime Area ของกรุงเทพมหานครได้แบบไม่น่าเกลียด เพราะนอกจากจะมีสถานีรถไฟฟ้าร่วมที่สถานีอโศกแล้ว ยังมีสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ แล้วยังมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในพื้นที่ อีก 3 แห่งและอีก 1 แห่งที่กำลังก่อสร้าง มีอาคารสำนักงานอีกหลายอาคาร ยังไม่รวมโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ ร้านอาหารหลากหลายรูปแบบ สถานศึกษาหลายระดับชั้น และหลายประเภท โรงพยาบาลก็ไม่ไกลจากพื้นที่นี้

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติ ที่พื้นที่นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีทั้งโครงการโรงแรม ศูนย์การค้า เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ อาคารสำนักงาน และโดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม ที่มีการเปิดขายโครงการใหม่ต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากว่าราคาที่ดินในพื้นที่นี้ปรับเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง จนในตอนนี้ที่ดินที่อยู่ริมถนนสุขุมวิทหรือในซอย ที่สามารถพัฒนาอาคารสูง ได้บอกขายกันอยู่ในช่วง 2 – 2.5 ล้านบาทต่อตารางวา ถ้าในซอยย่อยก็ต่ำกว่านี้

คอนโดมิเนียมสะสมในพื้นที่นี้มีประมาณ 15,000 ยูนิต เป็นคอนโดมิเนียมที่เปิดขายมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2552 โดยเริ่มมีโครงการมากขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปีพ.ศ.2554 เป็นต้นมา อาจจะมีบางปีที่มากบ้างน้อยมากตามภาวะตลาด และจำนวนยูนิตที่เปิดขายในปีก่อนหน้านี้

ซึ่งถ้าพิจารณาแยกตามพื้นที่สถานีรถไฟฟ้า จะพบพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ มีจำนวนคอนโดมิเนียมสะสมในพื้นที่มากกว่า คือมีสัดส่วนประมาณ 55% ของจำนวนคอนโดมิเนียมทั้งหมดในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 2 สถานี ผู้ประกอบการเลือกเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ค่อนข้างมากกว่าพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าอโศก เพราะยังมีที่ดินเหลือทั้งที่อยู่ริมถนนสุขุมวิท และในซอยย่อยต่างๆ อีกทั้งหลายซอยในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์มีความกว้างมากกว่า 10 เมตรสามารถพัฒนาอาคารสูงได้ และมีบางโครงการที่มียูนิตรวมมากกว่า 1,000 ยูนิต

พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าอโศก อาจจะหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมได้ค่อนข้างจำกัด และมีขนาดแปลงที่ดินที่ไม่ใหญ่มาก เพราะเป็นพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงมาก่อนพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ เห็นการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ช่วงปีพ.ศ.2547 เป็นต้นมา หรือตั้งแต่ที่เส้นทางรถไฟใต้ดินเปิดให้บริการ เพราะสถานีรถไฟฟ้าที่สี่แยกอโศก เป็นสถานีรถไฟฟ้าร่วมของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวและรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน ที่ดินหลายแปลงเปลี่ยนเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์หมดแล้ว พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบชัดเจนในช่วงปีพ.ศ.2558 เป็นต้นมา ตั้งแต่ข่าวคราวของโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่เป็นรูปธรรมมากขึ้น และเป็น 1 ในไม่กี่พื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ที่มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาทดแทนหรือเพิ่มเติมได้ง่ายๆ ในพื้นที่ที่ราคาที่ดินมากกว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวา

พื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 2 สถานี มีสิ่งอำนวยความสะดวกและความเจริญที่สามารถมองเห็นได้ในปัจจุบันอยู่แล้ว ดังนั้น โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในพื้นที่นี้ จึงรับการตอบรับที่ดีมีอัตราการขายที่มากถึง 82% โดยถ้าพิจารณาเป็นรายสถานี จะพบว่าพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ มีอัตราการขายที่สูงกว่าโครงการที่อยู่ในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าอโศก เพราะอัตราการขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ มีอัตราการขายที่ประมาณ 87% พื้นที่รอบสถานีอโศกอยู่ที่ประมาณ 75% อาจจะมีพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าอโศกมีโครงการเปิดขายใหม่ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมามากกว่าแบบชัดเจน

โครงการที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบันในพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าทั้ง2 สถานีสร้างเสร็จแล้วหลายโครงการราคาขายในพื้นที่จึงปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมา และราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในทั้ง 2 พื้นที่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก คือ ประมาณ 205,000 บาทต่อตารางเมตร โดยมีทั้งโครงการที่ปัจจุบันมีราคาขายมากกว่า 330,000 บาทต่อตารางเมตร และต่ำกว่า 150,000 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับทำเลและรูปแบบโครงการ หลายโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว มีการลดราคาขายกันค่อนข้างเยอะ เพื่อต้องการปิดการขายยูนิตที่เหลือขายอยู่

พื้นที่นี้ ในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันไม่มากนัก เพราะที่ดินที่สามารถพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้นั้น มีไม่มากนัก อาจจะเห็นโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายต่อเนื่องในอนาคต เพียงแต่ราคาขายก็คงสูงกว่าตอนนี้ไปอีกค่อนข้างเยอะ และโครงการรูปแบบอื่นๆ คงมีให้เห็นไม่มากในอนาคต เพราะด้วยราคาที่ดินที่ไม่เหมาะในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ยกเว้นเจ้าของที่ดินหลายๆ แปลงที่ปัจจุบันเป็นบ้านพักอาศัยขนาดใหญ่ในพื้นที่ ต้องการปล่อยเช่าที่ดินของตนเองในระยะยาว เพราะรู้ว่าถ้าบอกขายอาจจะหาคนซื้อได้ยากมากขึ้นในอนาคต ถ้ามีที่ดินแปลงใหญ่ปล่อยเช่าจริงก็คงเห็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ได้มากขึ้นที่ไม่ใช่โครงการคอนโดมิเนียม.