SCG รุกตลาดสินค้าตกแต่ง-บริการครบวงจร ชูไฮไลท์ SCG D’COR Facade Solution มาพร้อมบริการแบบ Professional Service

SCG เปิดตัว SCG D’COR อย่างเป็นทางการ ลุยตลาดวัสดุตกแต่งทางเลือกใหม่แบบครบวงจร ดึงนวัตกรรมและความหลากหลายของวัสดุ ตอบโจทย์งานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบ “Unique the space” พร้อมชูไฮไลท์ SCG D’COR Facade Solution และการบริการแบบ Professional Service ตอบรับกระแสความนิยมตลาดตกแต่งเปลือกอาคาร ด้านผู้บริหาร ‘อัญชลี ชวนะลิขิกร’ มั่นใจตลาดก่อสร้างปี 64 ทยอยฟื้นตัวหนุนกลุ่มวัสดุตกแต่งเติบโต

นางสาวอัญชลี ชวนะลิขิกร Managing Director Ceiling and Wall Business บริษัท สยามไฟเบอร์ซีเมนต์กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยปี 2564 คาดการณ์เติบโตจากปีก่อน 3-5% โดยตลาดวัสดุตกแต่งที่อยู่อาศัยภายนอกมีแนวโน้มพื้นตัว จากสถานการณ์ COVID -19 ที่มีทิศทางที่คลี่คลาย และการที่ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตยุคนิวนอร์มอลด้วยการ Work From Home จึงเกิดการปรับเปลี่ยนพื้นที่บ้านหรืออาคารให้เหมาะต่อการใช้ประโยชน์มากขึ้น ขณะเดียวกันตลาดรีโนเวทที่พบว่า มีตลาดบ้านเก่ากว่าแสนหลังมีความต้องการปรับปรุงพื้นที่ชำรุดทรุดโทรม ให้มีฟังก์ชันการใช้งานและดีไซน์ที่เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง โดยเน้นการใช้วัสดุตกแต่งอาคารเพิ่มขึ้น จากแนวโน้มการเติบโตจึงเห็นโอกาสในอนาคต บริษัทฯ จึงขยายพอร์ตสินค้ากลุ่มวัสดุตกแต่งด้วยธุรกิจ SCG D’COR สู่การเป็น Decorative Solutions Provider สินค้าพร้อมการบริการ ตอบโจทย์ความสวยงาม ฟังก์ชัน เพื่อความพึงพอใจลูกค้าสูงสุด

“การเปิดตัว SCG D’COR ในครั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านผลิตภัณฑ์และการบริการมากขึ้น เราได้นำปัญหาที่ลูกค้าและสถาปนิกพบเจอ ทั้งจากการออกแบบงานโครงสร้าง งานติดตั้ง หรืองานตกแต่งมาแก้ปัญหาอย่างครบวงจรด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญในทุกมิติของ SCG D’COR และบริษัทพันธมิตร เริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการออกแบบ ประมาณการวัสดุ คัดเลือกวัสดุที่เหมาะสม โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Material Science and Application ทีมออกแบบที่เข้ามาช่วยดูแล Conceptual Design และเสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยบริการดูแลหลังการขาย รับประกันหลังการติดตั้ง 1 ปี และรับประกันวัสดุนานถึง 10 ปี* ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าบริการจบครบในที่เดียวด้วย SCG D’COR Facade Solution ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ SCG D’COR เป็นการรุกตลาด Total Service Solutions เพื่อให้ตอบโจทย์ Lifestyle โดยตั้งเป้าต่อยอดนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์งานดีไซน์และอรรถประโยชน์ด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ รวมถึงการเพิ่ม Product Portfolio ที่ตอบเทรนด์ที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง ” นางสาวอัญชลี กล่าว (*ภายใต้การใช้งานในสภาวะปกติ)

SCG D’COR นับเป็นโซลูชั่นใหม่ในการสร้างเอกลักษณ์ให้พื้นที่และตัวอาคารด้วยวัสดุตกแต่งทางเลือกใหม่ สร้างสรรค์งานดีไซน์ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยรูปลักษณ์ของสินค้าที่เปิดโอกาสให้นักออกแบบใส่ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ ปลดปล่อยทุกจินตนาการให้งานออกแบบมีความพิเศษแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร ตอบโจทย์หลากหลายสไตล์สิ่งปลูกสร้าง ตามคอนเซป “Unique the Space”

SCG D’COR มีความโดดเด่นด้านการผลิตวัสดุตกแต่งทางเลือกใหม่ด้วย Fiber Cement โดยกระบวนการผลิต X-TRUSION Technology ลิขสิทธิ์ของ SCG D’COR หนึ่งเดียวในประเทศที่สามารถขึ้นรูปสินค้าแบบ 3D ได้ตามต้องการผ่านนวัตกรรมที่ถูกออกแบบโดยวิศวกรเฉพาะทาง สินค้าจึงมีรูปลักษณ์และมิติที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร แข็งแรง ทนทาน ต่อสภาวะอากาศและการใช้งานภายนอก ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายรูปแบบ ยังได้รวบรวมวัสดุตกแต่งประเภทอื่น โดยผนึกกำลังกับพันธมิตร อาทิ KMEW Japan, LITEWOOD by FAMELINE และอื่นๆ อีกมากมายในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อให้ครบทุกๆ ฟังก์ชันการออกแบบ และมีอรรถประโยชน์อื่นๆร่วมด้วย ทั้งด้านการปกป้องความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน ด้านความปลอดภัยด้วยวัสดุที่มีคุณสมบัติไม่ลามไฟ และมีน้ำหนักที่เบากว่าวัสดุประเภทอื่นๆ ลดภาระงานโครงสร้าง โดยวัสดุตกแต่งกลุ่ม SCG D’COR ครอบคลุมโซลูชั่นการใช้งาน 3 กลุ่มหลักได้แก่ ผนังภายนอกและภายใน (Facade & Wall Cladding),ระแนง รั้วบังตา วัสดุปิดขอบ (LATH&TRIM), และกลุ่มพื้นตกแต่ง (Floor)

สอดรับกับปัจจุบัน ที่รูปแบบของการตกแต่งเปลือกอาคาร (Façade) กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถตอบโจทย์การใช้งาน ได้ทั้งอาคารสร้างใหม่ และอาคารเก่า เกิดเป็นบริการ SCG D’COR Façade Solution เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งของนักออกแบบ ในการตกแต่งเปลือกอาคารในสไตล์ที่แตกต่าง

ทั้งในแง่ของวัสดุที่มีหลากหลายประเภท เหมาะสมกับงานตกแต่งหลากหลายรูปแบบ และบริการด้วยทีมงานมืออาชีพ ตั้งแต่ขั้นตอนให้คำแนะนำการออกแบบ ไปจนถึงการติดตั้งที่เชื่อถือได้ ปลอดภัยและมีมาตรฐาน โดย SCG D’COR ได้เริ่มโปรเจกต์จากจุดใกล้ตัว แปลงโฉมอาคารเก่าที่เอสซีจี รีโนเวท Facade เพิ่มเอกลักษณ์ให้สวยสะดุดตา โดยใช้ เอสซีจี เดคคอร์ รุ่น Fretwork ในหมวดสินค้า Wall – Facade ผลงานดีไซน์ที่แล้วเสร็จจจะมีความโดดเด่น โมเดิร์นสะดุดตาในเวลากลางวัน และมีมิติของแสงสว่างที่ซ่อนอยู่หลังแพทเทิร์นผ่านการจัดเรียงในเวลากลางคืน อาคารนี้จึงกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ผสานกลิ่นอายของดีไซน์อาคารเก่าเข้ากับยุคสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

กรุงไทยจับมือเครดิตบูโร เปิดตัวบริการตรวจเครดิตสกอริ่ง ผ่าน Krungthai NEXT รู้ผลภายใน 24 ชม.

ธนาคารกรุงไทย ร่วมกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จํากัด (เครดิตบูโร) ขยายช่องทางบริการตรวจข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT อำนวยความสะดวกให้ลูกค้ารับรายงานได้ทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง นับจากทำรายการและชำระเงินสำเร็จ  สะดวกรวดเร็วกว่าการเลือกรับเอกสารผ่านทางไปรษณีย์  ที่ต้องรอภายใน  7 วันทำการ  ทำให้ลูกค้ารู้สถานะหนี้  มีวินัยทางการเงินและสามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เรื่องต้องรู้…ติดตามรายงายเครดิตบูโร–เช็กก่อน…ชัวร์แน่นอน

ตรวจเครดิตบูโรทั่วไทย ได้ที่ไหน

ภาพจากข้อมูลจาก บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)

#เครดิตบูโร #กรุงไทย #หนี้

เสนา ฮันคิว ฮันชิน แท็กทีม รุกตลาดแนวราบครั้งแรก ชูดีเทลตอบโจทย์ชีวิต ผ่านแนวคิด Geo fit+ จากญี่ปุ่น

เสนา ฮันคิว ฮันชิน จับมือแน่น ประกาศความแข็งแกร่งต่อเนื่อง 5 ปี 14 โครงการ รวมมูลค่า 40,000 ล้านบาท เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาฯ ล่าสุดเตรียมเปิดแนวราบร่วมกันครั้งแรกกับโครงการใหม่ แบรนด์ “เสนา เวล่า” ทาวน์โฮมแนวคิดใหม่เจาะเรียลดีมานด์โลเคชั่น “เทพารักษ์ – บางบ่อ” ชูจุดต่าง ดึงดีเทลฟังก์ชันจากแนวคิดญี่ปุ่น Geo Fit+ มาพัฒนาสินค้าและการบริการตอบโจทย์ชีวิตที่ลงตัว พร้อมโซลาร์รูฟที่มาพร้อมจุดขายช่วยลดค่าไฟฟ้า

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงพันธมิตรธุรกิจ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพัฒนาโครงการแนวสูง ร่วมกัน 14 โครงการ รวมมูลค่าสูงถึง 40,000 ล้านบาท ซึ่งต้องยอมรับว่าระหว่างเสนา และ ฮันคิว ฮัน ชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ณ วันนี้เราเป็นมากกว่าพันธมิตรร่วมทุนทางธุรกิจ ซึ่งในปี 2564 เสนา วางแผนธุรกิจตามนโยบาย SENA Stong และยังคงแนวทางการทำงานกับทาง ฮันคิว ฮันชิน เหมือนเดิมคือการคิดถึงลูกค้าเป็นหลัก และสร้างที่อยู่อาศัยที่ดีให้กับผู้บริโภค

ล่าสุด แตกไลน์โปรดักส์มาพัฒนาโครงการแนวราบร่วมกันเป็นโปรเจกต์แรก ภายใต้แบรนด์เสนา เวล่า เทพารักษ์ – บางบ่อทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ทั้งนี้ได้นำแนวคิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยของญี่ปุ่นที่เรียกว่า “Geo fit+” มาปรับใช้ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยประกอบด้วย 4 เรื่อง คือ

1.Geo fit+ Day เน้นว่าจะพัฒนาโปรดักท์อย่างไรให้เข้ากับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
2.Geo fit+ Eco การแสวงหาแนวทางประหยัดพลังงานไม่ว่าจะเป็น พลังงานไฟฟ้าเชื้อเพลิง หรือน้ำ
3.Geofit+ Stageการออกแบบบนแนวคิดเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัย
4.Geo fit+ Sonaeใส่ใจทุกดีเทลในการใช้ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความปลอดภัย

ด้านนายประสิทธิ์ วัฒนานุกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสนับสนุนงานก่อสร้าง บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงรายละเอียดโครงการ เสนา เวล่า เทพารักษ์ – บางบ่อ ว่า พัฒนาโครงการบนคอนเซ็ปต์แบรนด์ “ชีวิตที่ลงตัวกับความสุขที่เรียบง่าย” เป็นทาวน์โฮมแนวคิดใหม่สูง 2 ชั้น บนเนื้อที่โครงการ 39 ไร่เศษ จำนวน 298 หลัง มีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ คือ แบบบ้าน THEE และแบบบ้าน THEE

Plus ขนาดที่ดินเริ่ม 20 – 41 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเริ่ม 127 – 140 ตารางเมตร ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ1 ห้องเอนกประสงค์พร้อมที่จอดรถ 2 คัน ราคาเริ่ม 2.99 ล้านบาท* โดยกำหนดก่อสร้างตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปี 2567

เสนา เวล่า เทพารักษ์ – บางบ่อ ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพติดถนนใหญ่ ใกล้แหล่งงาน นิคมอุตสาหกรรมบางพลี นิคมบางปู และนิคมเวลโกร์ว แวดล้อมด้วยสถานที่สำคัญทั้งโรงพยาบาล สถานศึกษา แหล่งช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เมกาบางนา ,มาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ เทสโก้ โลตัส ซิตี้พาร์ค และ บิ๊กซี บางพลี เป็นต้น ในอนาคตมีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากเคหะ สมุทรปราการ วิ่งไปถึงบางปู เพิ่มอีก 4 สถานี ประกอบด้วย สถานีบางปู สถานีศรีจันทร์ประดิษฐ์สถานีเมืองโบราณ และสถานีสวางคนิวาส รวมระยะทาง 7 กิโลเมตร

ด้านสาธารณูปโภคภายในโครงการ ประกอบด้วยสโมสรขนาดใหญ่ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ , Kid Zone, ห้องนิติบุคคล , ฟิตเนส , Co working Space และ Outdoor terraceสวนส่วนกลาง, สนามเด็กเล่น ระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งระบบ บลูทูธ (easy pass) ควบคุมการเข้า-ออกบริเวณทางเข้าออกโครงการ, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง กล้อง CCTV บริเวณทางเข้า และถนนหลักในโครงการ นอกจากนี้ ทางเสนายังติดตั้งโซลาร์ให้บ้านทุกหลัง สามารถใช้ไฟฟ้าฟรีตลอด 25 ปี และการบริการหลังการขายที่ผ่าน SENA 360 แอพพลิเคชัน ที่ช่วยให้ลูกบ้านสะดวกสบายและช่วยดูแลทุกเรื่องของการอยู่อาศัย

อย่างไรก็ตาม เสนาให้ความสำคัญและใส่ใจลงรายละเอียดกับการพัฒนาทุกโครงการ บนแนวคิด Made From Her การส่งมอบความสุขในการใช้ชีวิตที่ดีที่สุด และการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้าน ผ่านตัวผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ในทุกรูปแบบของการอยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการบ้าน ทางเสนาให้ความใส่ใจถึงสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน จึงมีแนวคิดในการติดตั้งโซลาร์ให้กับบ้านทุกหลัง ให้ลูกค้าทุกกลุ่มทุกรายได้สามารถเข้าถึงโซลาร์ที่ช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้ และช่วยกันดูแลโลกใบนี้ให้น่าอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น เสนายังมีความตั้งใจจริงต้องการปลูกฝั่งให้ทุกคนช่วยกันรักษ์โลก โดยเริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัวที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของสังคม.

#เสนาฯ # ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ # Made From Her #โซลาร์รูฟ

บัญชีออลล์ฟรีจากทีเอ็มบี พร้อมออกบัตรประกันออนไลน์ E-Care Card ฟรี! ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ไม่ต้องสำรองจ่าย

ทีเอ็มบี ตอกย้ำแนวทางการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทย ผ่านการพัฒนาบัญชีออลล์ฟรี (ALL FREE) อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “ใช้ชีวิต ฟรี รอบด้าน”ล่าสุดเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ แก่ลูกค้าบัญชีออลล์ฟรี ทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ โดยร่วมกับธนชาตประกันภัยออกบัตร ALL FREE E-Care Card บัตรประกันออนไลน์ให้ลูกค้าที่ต้องการใช้สิทธิ์ฟรีประกันอุบัติเหตุจากออลล์ฟรี สามารถแสดงบัตรE-Care Card ให้กับโรงพยาบาลได้ก่อนเข้ารับการรักษา โดยไม่ต้องสำรองจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลไปก่อน สะดวกมากขึ้นกว่าเดิมโดยลูกค้าสามารถออกบัตรALL FREEE-Care Card ได้ทันทีด้วยตนเองผ่านโทรศัพท์มือถือ เพียงเข้าเว็บไซต์ tmbbank.com/allfree

นางสาวนันทพร ตั้งเจริญศิริ หัวหน้าบริหารการตลาดลูกค้าบุคคลและประสบการณ์ลูกค้า ทีเอ็มบีหรือธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังที่ทีเอ็มบีได้เปิดตัวบัตรเดบิต ออลล์ฟรี ดิจิทัล เมื่อเดือนพฤศจิกายน2563 มีลูกค้าตอบรับเปิดบัญชีพร้อมเปิดบัตรเดบิต ออลล์ฟรี ดิจิทัล เป็นจำนวนมาก ด้วยคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของบัญชีที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า ทั้งฟรีค่าธรรมเนียมทั้งแรกเข้าและรายปี สะดวกทุกการใช้จ่ายออนไลน์ไม่ต้องพกบัตร แต่ยังคงทำธุรกรรมต่างๆได้ตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิประโยชน์การให้ฟรีประกันอุบัติเหตุ เมื่อคงเงินฝากในบัญชีไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทขึ้นไปทุกวันในเดือนปัจจุบัน เพื่อรับสิทธิ์เบิกค่ารักษาได้สูงสุด 3,000 บาท/อุบัติเหตุ ไม่จำกัดครั้ง

และล่าสุด ทีเอ็มบี ออกบัตรALL FREE E-Care Card บัตรประกันออนไลน์รับประกันโดย บมจ. ธนชาตประกันภัยให้ลูกค้าที่ต้องการใช้สิทธิ์ฟรีประกันอุบัติเหตุสามารถแสดงบัตรให้กับโรงพยาบาลได้กว่า 300 โรงพยาบาลในเครือของธนชาตประกันภัยโดยไม่ต้องสำรองจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลล่วงหน้าช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้สะดวกคล่องตัวยิ่งขึ้นช่วยสภาพคล่องทางการเงินของลูกค้า และสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวอยู่ทั้งนี้ลูกค้าจะเริ่มใช้บัตร ALL FREE E-Care Card ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“ปัจจุบัน บัญชีออลล์ฟรีได้มอบประกันอุบัติเหตุฟรีให้กับลูกค้าไปแล้วมากกว่า 1.5 ล้านราย เพราะเราเชื่อว่าประกันอุบัติเหตุเป็นความคุ้มครองขั้นพื้นฐานที่คนไทยทุกคนควรมี ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึง อันเป็นส่วนสำคัญในการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีในระยะยาว”

ผู้สนใจสามารถติดต่อเปิดบัญชีออลล์ฟรี ได้ที่ทีเอ็มบีทุกสาขา สำหรับลูกค้าทีเอ็มบีปัจจุบัน สามารถเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน TOUCH ได้ทันที สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Contact Center โทร.1558 หรือ http://www.tmbbank.com/allfree


TMB #MakeREALChange #เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น

‘วัน แบงค็อก’ประกาศให้มิตซูบิชิฯ ติดตั้งและดูแลระบบลิฟต์และบันไดเลื่อนชุดใหญ่ พร้อมลิฟต์แบบห้องโดยสารคู่ ครั้งแรกในไทย

วัน แบงค็อก (One Bangkok) โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 1.2 แสนล้านบาท และ บริษัทมิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัทมิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอร์เปอร์เรชั่น ร่วมลงนามในสัญญาสั่งซื้อและติดตั้งลิฟต์และบันไดเลื่อนชุดใหญ่ พร้อมยกระดับโครงการอาคารสูงในกรุงเทพฯ ให้เทียบเคียงมหานครระดับโลก ด้วยการติดตั้งลิฟต์แบบห้องโดยสารคู่ ซึ่งใช้เฉพาะในโครงการชั้นนำของโลกอย่าง รปปงงิฮิลส์ (Roppongi Hills) ในกรุงโตเกียว CCTV New Site ในกรุงปักกิ่ง หรือเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ (Shanghai Tower)ในนครเซี่ยงไฮ้ ฯลฯ สัญญาสั่งซื้อครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นคำสั่งซื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2520 ที่มิตซูบิชิอิเล็คทริคเปิดดำเนินกิจการในประเทศไทยโดยวัน แบงค็อก ถือเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ทันสมัยในรูปแบบเมืองอัจฉริยะ อันประกอบด้วย อาคารสำนักงานเกรดเอ ศูนย์การค้าชั้นนำ โรงแรมระดับลักชัวรี่ ที่พักอาศัย รวมถึงพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรม ที่เชื่อมต่อทั่วถึงกันทั้งโครงการ โดยมั่นใจว่าจะสามารถดึงดูดเหล่านักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ให้มาเยือนได้เป็นจำนวนมหาศาล อีกทั้งช่วยยกระดับให้ประเทศไทยโดดเด่นเป็นสง่าในเวทีโลก และเติบโตในฐานะศูนย์กลางของอาเซียนต่อไป

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ผู้พัฒนาโครงการ “วัน แบงค็อก” (One Bangkok) กล่าวว่า “เราให้ความสำคัญกับประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการเป็นหลัก ผมมีความเชื่อมั่นว่ามิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ ผู้นำระดับโลกในด้านระบบลิฟต์และบันไดเลื่อน จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพันธมิตรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของโครงการ วัน แบงค็อก ด้วยจุดเด่นและองค์ประกอบต่าง ๆ รวมถึง สินค้าและบริการที่มีคุณภาพและการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม และได้รับยืนยันด้วยรางวัลมาตรฐานระบบการทำงานหลากหลายรางวัล ตลอดจนชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับมายาวนาน ด้านเทคโนโลยีอันโดดเด่นระดับโลก และการส่งมอบผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย แข็งแรง ทนทาน และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยศักยภาพดังกล่าวนี้ เราจึงมั่นใจว่ามิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ จะมีส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้โครงการวันแบงค็อกเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่พลิกโฉมพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง”

นายมุเนะฮิซะ โอกะโมะโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทมิตซูบิชิเอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากวันแบงค็อก(One Bangkok)โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในการทำสัญญาสั่งซื้อลิฟต์และบันไดเลื่อนชุดใหญ่ ประกอบด้วยลิฟต์จำนวน 250 เครื่อง บันไดเลื่อนจำนวน 28 เครื่อง ยิ่งไปกว่านั้น โครงการนี้ยังมีการติดตั้งลิฟต์ 2 ชั้นหรือลิฟต์ห้องโดยสารคู่นวัตกรรมใหม่ที่จะเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จำนวน 12 เครื่อง ถือได้ว่าเป็นคำสั่งซื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2520 ที่เราเปิดดำเนินกิจการในประเทศไทย โดยความไว้วางใจจากโครงการวัน แบงค็อกในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นทั้งในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การติดตั้งการบริการ และประสบการณ์ในตลาดลิฟต์และบันไดเลื่อนที่มีมาอย่างยาวนานได้เป็นอย่างดี”

สำหรับ วันแบงค็อก เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรซึ่งพัฒนาโดยบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด นับเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย ชูมาตรฐานใหม่ทั้งด้านการออกแบบ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตในสมาร์ท ซิตี้ (Smart City Living) โดยตั้งเป้าเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการพัฒนาชุมชนแวดล้อมอย่าง LEED เป็นการสร้างอาคารที่ดีต่อสุขภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ WELL ซึ่งเป็นมาตรฐานแรกของโลก ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคาร พร้อมมุ่งมั่นเป็นแลนด์มาร์คครบวงจรระดับโลกแห่งใหม่ เปี่ยมไปด้วยศักยภาพในการดึงดูดบริษัทชั้นนำ นักท่องเที่ยว และคนไทย

โดยประกอบไปด้วย อาคารสำนักงานแบบพรีเมี่ยมเกรดเอ จำนวน 5 อาคาร,ศูนย์การค้าระดับชั้นนำ, โรงแรมระดับลักชัวรี่ จำนวน 5 แห่ง, คอนโดมิเนียมหรูอีกจำนวน 3 โครงการ ทั้งยังมีพื้นที่ศูนย์กลางสำหรับกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมที่เชื่อมต่อทั่วถึงกันทั้งโครงการ พื้นที่ทั้งหมดมีขนาด 104 ไร่บนถนนวิทยุและพระราม 4เมื่อวัน แบงค็อก พร้อมเปิดเฟสแรกในปี 2566 จะกลายเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ทันสมัยและมีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจการจัดจำหน่าย ติดตั้งและให้บริการหลังการขายผลิตภัณฑ์ ลิฟต์ บันไดเลื่อนและทางลาดเลื่อนภายใต้ แบรนด์ “มิตซูบิชิอิเล็คทริค” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยและเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ระดับแนวหน้าในด้านนี้ มาตั้งแต่ปี 2520 งานบริการที่มีคุณภาพและการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมที่ได้รับยืนยันด้วยรางวัลมาตรฐานระบบการทำงานหลายรางวัล ความทุ่มเทของเราส่งผลให้เราเป็นผู้นำในธุรกิจลิฟต์และบันไดเลื่อนอย่างต่อเนื่องด้วยส่วนแบ่งการตลาดเป็นที่หนึ่งมาตลอดหลายสิบปี ปณิธานของเราคือการส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยให้กับอาคารต่างๆทั่วประเทศ เราพร้อมให้บริการด้วยทีมงานวิศวกรที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญ ทั้งระบบการติดตั้งและการซ่อมบำรุง อีกทั้งยังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานอีกด้วย

อนันดาฯ เผยไตรมาสแรก 64 กวาดยอดขายแล้ว 3,979 ลบ.สูงกว่าเป้า17% เตรียมลุยเปิดโครงการต่อไตรมาส 2

อนันดาฯ เผย ไตรมาสแรก 64 กวาดยอดขายแล้ว 3,979 ลบ.สูงกว่าเป้าหมาย 17% พร้อมปิดการขาย 100% จำนวน 1 โครงการ เตรียมลุยเปิดโครงการต่อไตรมาส 2 ย้ำดีมานต์คอนโดติดรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ยังมีต่อเนื่อง มั่นใจทั้งปีสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

นายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทยังคงทำผลงานเป็นที่น่าพอใจ โดยสามารถสร้างผลงานได้ดีในไตรมาสแรกของปี 64 โดยมียอดขายจำนวน 3,979 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายยอดขายที่วางไว้อยู่ที่ 3,393 ล้านบาท ถึง 17% ซึ่งเกินเป้าหมายที่วางไว้ทั้งในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม และโครงการแนวราบ พร้อมปิดการขาย 100% จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการไอดีโอ โมบิ อโศก มูลค่าโครงการกว่า 3,200 ล้านบาท และส่วนใหญ่มาจากการที่บริษัทมุ่งเน้นการขายโครงการพร้อมอยู่ ซึ่งบริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบที่หลากหลาย รองรับความต้องการของผู้ซื้อได้อย่างทั่วถึงทั้งผู้ซื้อในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงภาพรวมของดีมานต์ที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้ายังคงมีอย่างต่อเนื่อง บวกกับการที่อนันดาฯ นำเสนอแคมเปญที่ตอบโจทย์เข้าถึงกลุ่มลูกค้า และตอบรับเรียลดีมานต์ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายดังกล่าว ถึงแม้ว่าตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 มีการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทั้งในและต่างประเทศก็ตาม

นอกจากนี้ บริษัทยังคอยเฝ้าติดตามสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และปรับรูปแบบการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ และสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาโครงการในยุค New Normal นี้ โดยจะเน้นในเรื่องของความคุ้มค่าเพื่อสอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค และมาตรการสาธารณสุข เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจเมื่อมีการเยี่ยมชมโครงการของบริษัท

อนันดาฯ ยังคงมั่นใจในศักยภาพคอนโดติดรถไฟฟ้า ที่ยังคงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของการใช้ชีวิตคนเมืองได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยอนันดาฯ มีโครงการพร้อมเข้าอยู่ให้เลือกมากมาย ครบทุก Segment ครบทุกความต้องการอยู่อาศัยของคนเมือง สามารถชมห้องจริง วิวจริง พื้นที่จริง ชอบห้องไหนจองห้องนั้นได้เลย ทั้งคอนโดติดรถไฟฟ้า บ้าน และทาวน์โฮม บนที่สุดแห่งทำเล ในราคาที่คุ้มค่า กับข้อเสนอที่ห้ามพลาด” นายเสริมศักดิ์ กล่าว